|
เมื่อกล่าวถึงการทำธุรกิจแน่นอนว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการทั่วไปต้องการคือ "กำไร และผลตอบแทน"
ในธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซก็เช่นกันเมื่อมีกำไรและผลตอบแทน สิ่งที่ตามมาและหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือ
ภาระภาษีที่เกี่ยว ข้อง ปัญหาที่ผู้ประกอบกิจการอี-คอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบีทูบี (B to B), บีทูซี (B to C) หรือซีทูซี (C to C)
ต้องเผชิญคือ "ปัญหาการออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม"
โดยเฉพาะในกรณีเวบไซต์ที่ขายสินค้า หรือให้บริการแก่คนทั่วโลกตลอด 24 ชม. โดยไม่หยุดพักผู้ประกอบ
การเจ้าของเวบไซต์ดังกล่าวจะออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าของตนเองอย่างไร
และหน้าที่ในการออก
ใบกำกับภาษีเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าในเรื่องของภาษีมูลค่า
เพิ่มนั้นเป็นการเก็บภาษีทางอ้อมโดยเรียกเก็บจากผู้บริโภคจากการซื้อขาย และบริการในอัตราร้อยละ 7
ของ ราคาสินค้าและบริการ
หลักเกณฑ์ทั่วไปที่จะกำหนดว่าท่านอยู่ในระบบที่ต้องจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ก็คือหากธุรกิจหรือกิจการ
ของท่านมีรายได้เกิน 1,200,000 บาทต่อปี หรือไม่ได้อยู่ในธุรกิจที่เป็นข้อยกเว้นท่านต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่า
เพิ่มโดยจดทะเบียบกับกรมสรรพากรให้ถูกต้อง
ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อ
และผู้รับบริการโดย
ความรับผิดในการออกใบกำกับภาษีมีดังนี้
การขายสินค้า โดยปกติหน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้า
เว้นแต่มีการ
โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้า หรือได้รับชำระราคาสินค้า
หรือได้ออกใบกำกับภาษีเกิดขึ้นก่อนให้ถือว่าความรับผิด
ในการเสียภาษีเกิดขึ้นเมื่อมีการกระทำดังกล่าว
ตัวอย่างเช่น
เวบไซต์ ebannok.com ซึ่งขายสินค้าพื้นเมืองของไทย หากนาย ก.เข้ามาซื้อสินค้าเวบไซต์ดัง
กล่าว โดยปกติเจ้าของเวบไซต์ ebannok.com
ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่นาย ก.
เมื่อมีการส่งมอบสินค้า
เว้น
แต่นาย ก. ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้า หรือนาย
ก.ได้ชำระสินค้า
หรือเวบไซต์ ebannok.com ได้ออกใบกำ
กับภาษีก่อนการส่งมอบสินค้า
การให้บริการ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการให้บริการ
โดยหลักทั่วไปจะเกิดขึ้น
เมื่อมีการชำระค่าบริการ เว้นแต่ผู้ประกอบการออกใบกำกับภาษี หรือผู้รับบริการใช้บริการ
ความรับผิดทาง
ภาษีจะเกิดขึ้นทันที
ตัวอย่างเช่น เวบไซต์ nokia.com ให้บริการดาวน์โหลดรูปการ์ตูนลงในมือถือ
โดยปกติความรับผิดใน
การออกใบกำกับภาษีก็จะเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายค่าบริการ เว้นแต่มีการใช้บริการหรือออกใบกำกับภาษีก่อน
หลักดังกล่าวข้างต้นจะใช้กับการชำระเงินตามปกติ
แต่หากชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิตจะเป็นไปตามกฎ
กระทรวงฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ว่าด้วยความรับผิดภาษีมูลค่าเพิ่มในบางกรณี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
"ข้อ 4 การขายสินค้าโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิต หรือในลักษณะทำนองเดียวกันให้ความรับ
ผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า
เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่ง
มอบสินค้าก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้นๆ ด้วย
โอนกรรมสิทธิ์สินค้า
เมื่อมีการออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิต
ได้ออกใบกำกับภาษี
ทั้งนี้โดยความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้นๆ
แล้วแต่กรณี
ข้อ 5 การให้บริการโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิตหรือในลักษณะทำนองเดียวกันให้ความรับผิด
ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิต
เว้นแต่กรณีที่ได้มีการออกใบ
กำกับภาษีก่อนการ
ออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิตก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นได้มีการออกใบกำกับภาษีนั้น"
เหตุที่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้อง เนื่องจากประมวลรัษฎากรมาตรา 89/1 ระบุว่า
หากบุคคลใดชำระ
ภาษีไม่ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการดังกล่าวต้องเสียเงินเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่ง ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเบี้ยปรับ
ด้วยเหตุนี้จึงเป็น
สาเหตุให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับปัญหาการออกใบกำกับภาษี
ซึ่งปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับเวบไซต์
์ก็คือส่วนใหญ่แล้วจะได้รับชำระเงินค่าสินค้าและบริการทันที โดยมีการระบุหมายเลขบัตรเครดิต
ดังนั้น
ผู้ปร
ะกอบการดังกล่าวมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าของตัวทันทีหรือไม่
และหากผู้ซื้อ
หรือผู้รับบริการเข้ามาทำรายการซื้อขายในเวลาปิดทำการ วันหยุด หรือซื้อขายหรือรับบริการจากต่างประเทศ
ผู้ประกอบการจะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อให้แกลูกค้าตัวเองอย่างไร
คำตอบก็คือ หากผู้ประกอบการดังกล่าวเป็นกิจการขายปลีก หรือให้บริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมากนั้น
ก็สามารถออกใบกำกับภาษีอย่างย่อในรูปแบบของอีเมล์ส่งให้แก่ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ตได้ตามประมวลรัษฎา
กรมาตรา 86/6 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ฉบับที่ 32
และคำตอบหนังสือหารือของ
กรมสรรพากรที่ กค 0811/พ 04927
โดยกิจการที่ถือว่าเป็ฯการขายสินค้า หรือให้บริการแก่บุคคลจำนวนมากต้องมีลักษณะดังนี้คือ
(1) เป็นการขายสินค้าที่ผู้ขายทราบโดยชัดแจ้งว่า ขายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง
และได้ขายในปริมาณที่ตาม
ปกติวิสัยของผู้บริโภคจะนำสินค้าไปบริโภค หรือใช้สอย โดยมิได้มีวัตุประสงค์ที่จะนำไปขายต่อ
(2) การให้บริการในลักษณะบริการรายย่อย และบุคคลจำนวนมาก
(3) ผู้ประกอบการตาม (1) และ (2)
จะต้องจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษให้มีรายการครบถ้วน
ตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้นหลายๆ ท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ก็คงจะพอเข้าใจแล้ว่าไม่ว่าท่านจะประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ
ท่านก็
สามารถออกใบกำกับภาษีอย่างย่อโดยทางอีเมล์ ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการได้
กลับหน้าแรก
|
|