5. ทำแผนการผลิต
      ในส่วนนี้เป็นการกำหนดแผนการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการขาย
      เป็นการวางแผนเกี่ยวกับการ 
                               
      ตั้งโรงงานการจัดหาวัตถุดิบ
      ระยะเวลาในการผลิตและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น 
       
                          
      6. การจัดองค์กรและผู้บริหาร
      เป็นการวางแผนการบริหารการจัดการ การจัดองค์กรและบุคลากรทุกระดับ 
       
                          
      7.
      
      แผนการเงิน
      เป็นการประมาณการรายรับ เงินลงทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ
      คือการประมาณการยอดขายที่จะขายได้ในช่วงเวลาหนึ่ง 
                               
      เช่น ยอดขายรายปี หรือรายเดือน เงินลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ เช่นโรงงาน เครื่องจักร อาคารและอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ
      และค่า 
                               
      ใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
      เพื่อจะได้ทราบว่าธุรกิจต้องการเงินลงทุนและเงินหมุนเวียนมากน้อยเพียงใดเพื่อจะนำไปสู่การวาง 
                               
      แผนการจัดหาเงินในส่วนนี้ ควรทำประมาณการงบกำไรขาดทุน จบดุล งบกระแสเงินสด การวิเคราะห์จุดเสมอตัว
      ตลอดจนผล 
                               
      ตอบแทนที่จะได้รับและระยะเวลาคืนทุน 
       
                 
      
      2. กำหนดภารกิจ ( Mission ) และเป้าหมาย
      ( Goals ) 
       
                             
      การตั้งร้านค้าต้องกำหนดให้แน่ชัดว่าจะตั้งร้านเพื่อทำธุรกิจอย่างไร? เช่น ค้าขาย จะขายสินค้าอะไรบ้าง? จะขายไปยังผู้ซื้อทางธุรกิจ 
      ( B to B ) หรือขายไปยังผู้ซื้อที่เป็นผู้บริโภค
      ( B To C ) หรือขายทั้ง 2 ตลาด หรือจะเป็นร้านค้าประเภทให้บริการเช่น เป็นเว็บท่า
      ( Portal Site ) หรือ 
      เป็นร้านค้าผสม ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่มักเป็นร้านค้าแบบผสม เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดภารกิจทางธุรกิจของบริษัท
      เมื่อกำหนดแน่ชัดว่า 
      ธุรกิจจะทำอะไร? 
      ขั้นตอนต่อไปคือต้องกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น เป้าหมายการขายเป้าผู้เข้าเยี่ยมชม เป้าหมายของผู้ใช้บริการแต่ละประเภท 
      เป็นต้น 
       
                            
      ในการกำหนดภารกิจและเป้าหมายจะต้องคำนึงถึงปัจจัย
      3 ประการดังนี้   
       
                          
      1. ภารกิจและเป้าหมายต้องเป็นแนวทางเดียวกับแผนธุรกิจ 
       
                          
      2. ระบุปัญหาที่จะเกิดอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น เพราะการคิดถึงปัญหาไว้ก่อนจะทำให้ธุรกิจหาทางแก้ไข
      หรือพยายามหลีก 
                               
      เลี่ยงซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงทั้งทางด้านเวลา ความพยายามและเงิน ตัวอย่างเช่น เมื่อทราบว่าผู้บริโภคมักจะสำรวจหลายๆ 
                               
      เว็บก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ ควรจะตรวจสอบกลยุทธ์การตลาดของคู่แข่งขันก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งราคาของคู่แข่งขัน 
                               
      เป็นต้น ขอเสนอตัวอย่างของการระบุปัญหาและแนวทางแก้ไข..... 
       
      
      
        
        
          
            | 
               ปัญหา   | 
            
                แนวทางการแก้ไข  | 
           
          
            |    
              ลูกค้ามักจะเครียดหรือกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย | 
                 
              ระบุหรือแสดงถึงระบบความปลอดภัยให้ลูกค้าทราบ 
                    อย่างเด่นชัด | 
           
          
               
              ระหว่างเวลาที่มีคนใช้อินเตอร์เน็ตเป็นจำนวน มาก 
                  มักจะทำให้ตอบสนองต่อลูกค้าทำได้ช้า | 
                 
              ต้องแน่ใจว่าระบบสามารถรองรับปริมาณของลูกค้า 
                    เป็นจำนวนมากได้ | 
           
          
               
              บางครั้งระบบอาจมีปัญหาทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำ 
                 
              งานได้  | 
                 
              จัดให้มีระบบสำรองไว้ป้องกัน | 
           
          
            |    
              ลูกค้ามักจะมีการเปรียบเทียบราคาสินค้าจากหลายๆร้าน | 
                 
              ตั้งราคาให้สามารถสู้กับคู่แข่งได้ | 
           
          
               
              คู่แข่งขันมักจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตลอดเวลาและ 
                 
              เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว | 
                 
              ต้องพยายามกำหนดกลยุทธ์ให้อยู่ในระดับแนวหน้า 
                    เสมอ | 
           
          
               
              ลูกค้ามักจะไม่สนใจ
              ถ้าเข้ามาที่เว็บไซต์แล้วพบว่าไม่มี 
                 
              อะไรใหม่ๆ | 
                 
              ปรับเว็บไซต์ให้ใหม่อยู่เสมอ | 
           
         
        
       
                          
      3. ทบทวนกลยุทธ์การตลาด  เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ นั้น สามารถที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยการ 
                               
      พิจารณาตั้งแต่ตลาดเป้าหมายว่าวิธีการแบ่งส่วนตลาดเหมาะสมหรือไม่?  กลยุทธ์ส่วนผสมการตลาด
      ( คุณภาพสินค้า ความ 
                               
      หลากหลายของสินค้า ราคา การส่งเสริมและการสื่อสาร การตลาด
      ) เหมาะสมหรือไม่?เป็นต้น 
       
                                 
      
       
      
      
      ในขั้นตอนนี้จะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ทุกข้อ  
      
      
       
      
       
                               
      1. อะไรคือภารกิจของท่าน? ท่านเป็นใคร? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจของท่านเหนือกว่าคู่แข่ง? 
       
                               
      2.  ท่านต้องการให้เว็บไซต์หรือร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ของท่านทำหน้าที่อะไร?
      เว็บไซต์จะช่วยให้ธุรกิจท่านประสพผลสำเร็จได้ 
                                    
      อย่างไร 
       
                               
      3. ท่านจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของท่าน ประวัติ ลูกค้ารายสำคัญ ปรากฏบน
      web หรือไม่?
      ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ขายสินค้า 
                                    
      ได้หรือไม่? 
       
                               
      4.
      ท่านจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า บริการ คุณลักษณะ คุณประโยชน์ ราคา
      และข้อมูลอื่นที่ช่วยในการตัดสินใจซื้ออย่างไร? 
       
                               
      5. ถ้าท่านทำการค้าแบบดั้งเดิมควบคู่กับทำการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะขายสินค้าประเภทเดียวกันหรือต่างชนิดกัน? 
                                    
      ถ้าชนิดเดียวกัน จะจัดการด้านสินค้าคงคลังอย่างไร? 
       
                               
      6. รายละเอียดอะไรบ้าง?
      ที่จะบรรจุในอิเล็กทรอนิกส์แคตตาล็อก 
       
                               
      7. ท่านจะใช้ web site ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของท่านอย่างไร? จะบริการลูกค้าอย่างไร? และจะเก็บรวบรวม 
                                    
      ความคิดเห็นจากลูกค้าอย่างไร? 
       
                               
      8.
      ท่านจะให้บริการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าท่านอย่างไร? ลูกค้าท่านจะเชื่อมโยงไปยัง web site ได้มากน้อยแค่ไหน? 
       
                3. การจัดการสินค้าด้านอินเตอร์เน็ต
      ( Access the Internet )  
       
                   
      ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอน ของการจัดการจัดหาทรัพยากร เพื่อให้สามารถเปิดร้านค้าทางอินเตอร์เน็ตได้ ทรัพยากรประกอบด้วย
      2 ส่วนหลัก  คือ 
       
                   
      1.
       อุปกรณ์
      
       คือ  การจัดหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า อุปกรณ์หลักประกอบด้วย 
                        
      เครื่องคอมพิวเตอร์
      ( pc ) หน่วยประมวลผลกลาง
      ( cpu ) ความสามารถ ในการจัดเก็บข้อมูล
      ( Gigabytes ) หน่วยความจำหลัก ( ram ) 
                        
      หน่วยความจำสำรอง ( Hard Drive ) อุปกรณ์เปลี่ยนแปลงรหัสข้อมูล
      ( Modem ) และจอภาพ
      ในการพิจารณาจัดหาอุปกรณ์เหล่านี้ควร 
                        
      หาอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ที่จะจัดหาได้ เพราะเทคโนโลยีล้าสมัยเร็วมากและควรจัดซื้อจากบริษัทที่มีความชำนาญสามารถให้คำปรึกษาได้ 
                        
      และมีบริการตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เพราะถ้าอุปกรณ์มีปัญหาจะทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชงักได้ ถ้าใช้ระบบ EDI
      เพื่อแลกเปลี่ยน 
                        
      ข้อมูลด้านสินค้าคงคลังและด้านการเงินกับผู้จำหน่ายสินค้าจะต้องพิจารณาระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นพิเศษเพราะต้องการหน่วยความ 
                        
      จำที่มากความเร็วสูง จอภาพที่ใหญ่พอที่จะเห็นหน้าร้านหรือแต่ละเว็บเพจได้เต็มหน้า 
       
                   
      2.
       จัดหาเครือข่ายในการติดต่อสื่อสาร
      การค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องเชื่อมโยงระบบของกิจการกับเครือข่ายภายนอก
      ซึ่งเชื่อมโยง 
                         
      ถึงกันหมดทั้งโลก ซึ่งจะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ
      ดังนี้ 
       
      
        
                             
            1.  เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท
            ซึ่งใช้ระบบใดขึ้นอยู่กับขอบเขตการจัดการของแต่ละบริษัท 
                                    
            ถ้าการเชื่อมโยงในบริษัททำในบริษัทต้องใช้ระบบ LANS ( Local Area Networks)
            แต่ถ้าบริษัท 
                                    
            มีสาขาหลายแห่กระจายอยู่ทั่วประเทศต้องใช้ระบบ WANS
            ( Wide Area Networks ) 
             
                               
            2. การเชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ต การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ต
            ทำได้โดยการใช้ 
                                    
            โมเด็ม ซึ่งความเร็วของโมเด็มมีหลายขนาด
            ปัจจุบันอยู่ที่
            56K
            นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ 
                                    
            อีกเช่น การใช้สายเครเบิล DSL
            ( Digital Subscriber Line ) และอื่นๆ
            ขณะนี้ที่ใช้กันในประเทศ 
                                    
            ไทยคือ โมเด็ม 56K และเทคโนโลยี DSL ในบางบริษัท 
             
                               
            3. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ( Internet Service Provider : ISP)
            คือผู้ที่ท่านจะนำเว็บไซต์ไปฝากใน 
                                    
            อินเตอร์เน็ต
            ISP จะเป็นผู้พาร้านค้าของท่านไปเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
            ปัจจัยสำคัญ 
                                    
            สำหรับการเลือก ISP คือ ความเร็วเพราะทำให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดี
            ที่สุด 
                                    
            คำถามต่อไปนี้จะเป็นเครื่องมือในการคัดเลือกผู้ให้บริการ | 
            | 
         
        
           
                                   
               ความเร็วของผู้ให้บริการ ในการเชื่อมโยงกับระบบอินเตอร์เน็ตทั้งระบบ อยู่ในระดับใด
            ?... 
                                   
               ผู้ให้บริการในพื้นที่ในการเปิดร้านค้ามากพอสำหรับการดำเนินงานปัจจุบันและขยายงานในอนาคตหรือไม่
            ? และค่าใช้จ่าย 
                                          
            เท่าใด ?... 
                                   
               ผู้ให้บริการมีประวัติดำเนินงานอย่างไร
            ?  
                                   
               ผู้ให้บริการมีระบบสำรองหรือไม่
            ? 
                                   
               ผู้ให้บริการมีบริการอื่นที่ทำให้ท่านได้รับบริการครบวงจรหรือไม่
            ? 
                                   
               จดหมายอิเล็กทรอนิคส์ได้รับบริการจากผู้ให้บริการมีประสิทธิภาพดีเพียงใด
            ? 
             
                                
            4. เบราเชอร์ ผู้ให้บริการในการชมอินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมี 2 บริษัท ที่ได้รับความนิยม คือ Netscape Navigator 
                                    
            www.netscape.com 
            และ Microsoft Internet Explorer  www.microsoft.com  
                                
                                
            5.  โปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่จะช่วยในการทำร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพที่ดี เช่น ช่วยในการออกแบบเว็บไซต์
            การดึง 
                                    
            ดูดหรือเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า และอื่นๆ ซึ่งโปรแกรมต่างๆเหล่านี้ทางเว็บไซต์
             www.tucows.com มีรายชื่อโปรแกรมที่เกี่ยว 
                                    
            ข้องกับอินเตอร์เน็ตทั้งหมด  | 
         
       
                4. การจัดหาสินค้าและบริการต่างๆ ( Procure Product and
      Service )  
       
                   
      กรณีที่เป็นเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า เช่น หนังสือ เพลง ดอกไม้ เป็นต้น ต้องเตรียมความพร้อมในตัวสินค้า เช่นการขายหนังสือต้องเตรียม 
      เรื่องสต็อกสินค้า การจัดส่ง การชำระเงิน การขายเพลง
      ซึ่งไม่ต้องการจัดส่ง
      ต้องเตรียมโปรแกรมสำหรับการดาวน์โหลด หรือการขายดอกไม้
      ต้อง 
      เตรียมหาพันธมิตรในพื้นที่ต่างๆ เพื่อจัดส่งให้ลูกค้าได้ทันเวลา
      แล้วคงสภาพความสดของดอกไม้  ในขณะเดียวกัน
      ต้องได้มาตรฐานเดียวกันทุกพื้น 
      ที่ด้วย 
       
                   
      กรณีการให้บริการ เช่น เป็นแหล่งค้นหาข้อมูล (Search Engine) บริการกระดานข่าว
      ( Web Board ) หรือห้องสนทนา ( Chat Room )
      บริการ 
      เหล่านี้ต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านโปรแกรมและการจัดการ 
       
                                           
      
        
      เกณฑ์ในการคัดเลือกสินค้า
        
                   
      การพิจารณานำสินค้ามาขายในร้านมีเกณฑ์การพิจารณาดังนี้ 
       
                   1.
       สินค้าต้องสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ 
                   2. ถ้าเป็นสินค้าหายาก( Exclusive) จะดีมาก เพราะผู้ซื้อ ไม่สามารถหาซื้อได้จากช่องทางอื่น 
                   3. ราคาไม่แพงจนเกินไป 
                   4. น้ำหนักเบา มีขนาดใหญ่พอสมควร ง่ายต่อการขนส่ง 
                   5. มีสินค้าให้เลือกได้หลากหลาย 
                   6. ผู้จำหน่ายวัตถุดิบหรือผู้ผลิตสินค้าเป็นผู้มีความสามารถทางการจัดการ
      เพราะถ้าสินค้าขาดมือ 
                         
      จะทำให้พลาดโอกาสทางการขาย 
       
                5.
      การออกแบบเว็บไซต์
      ( Design Website )  
       
                   
      ขั้นนี้เป็นการสร้างหน้าร้านและเพื่อเป็นโชว์รูมสำหรับแสดงสินค้าและติดต่อสื่อสารกับลูกค้า
      ซึ่งประกอบด้วย
      2  ส่วนหลัก คือ 
       
                   
      1.
       หน้าร้าน
      ( Home page ) และแผนกต่างๆ
      ( Web page ) ปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบร้านค้า คือ
      "การสร้างความแตกต่าง" 
      และการคำนึงถึง "ความสอดคล้อง" กันพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
       www.ivillege.com
      เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้หญิง
      เพราะมีเรื่องทุกเรื่อง 
      ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้หญิง ในการออกแบบควรคำนึงความเร็วในการเรียกดูแต่ละหน้า
      โดยเฉพาะหน้าแรกเพราะถ้าเรียกดูได้ช้า
      ผู้บริโภค 
      ก็จะเปลี่ยนไปดูเว็บอื่นแทน พึงระลึกไว้เสมอว่า
      " ข้อมูล " สำคัญกว่า " เทคนิค " 
       
                   
      2.
       การจัดการหลังร้านค้า คือ การจัดการระบบต่างๆ 
      เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้ 
      ส่วนนี้คือส่วนของโปรแกรมการสั่งงานต่างๆ 
      ทั้ง 
       2 ส่วนนี้ ถ้าผู้ประกอบการไม่สามารถจัดหาได้ หรือไม่มีความรู้ทางด้านการจัดการสามารถพึ่งบริการจากบริษัทผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตต่างๆ 
      ได้ อาทิ เช่น
      การประมวลผลคำสั่งซื้ออัตโนมัติ เป็นโปรแกรมที่รวบรวมจำนวนของคำสั่งซื้อของลูกค้าแต่ละราย
      และจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องจ่าย  
 ระบบข้อมูลลูกค้า ( database ) ซึ่งจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวลูกค้าซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ระบบการชำระเงิน
      ระบบการส่งมอบ 
      สินค้า ประเภทไม่ต้องขนส่งสินค้า
      ( สินค้าพวก soft goods )
      ซึ่งผู้ซื้อใช้วิธีดาวน์โหลด การใช้อินทราเน็ต
      ( intranet )
      คือระบบที่ใช้ติดต่อกับหน่วย 
      งานแต่ละหน่วยงานภายในองค์กรเดียวกัน
      และเอ็กซ์ทราเน็ต
      ( extranets )
      คือระบบที่ใช้ติดต่อกันระหว่างองค์กรที่ดำเนินธุรกิจร่วมกัน 
       
               6.
      จัดทำอิเล็กทรอนิกส์แคตตาล็อก
      ( Create  an Electronic Catalog )  
       
                    
      เนื่องจากเราใช้เว็บไซต์ทำหน้าที่แทนทุกหน้าที่งานทางการตลาด
      จึงต้องจัดทำอิเล็กทรอนิกส์แคตตาล็อก
      ซึ่งเปรียบเหมือนกับแคตตาล็อก 
      สินค้าของการตลาดแบบดั้งเดิม
      ( Traditional Marketing ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้เลือกชมสินค้าได้อย่างเต็มที่
      อิเล็กทรอนิกส์แคตตาล็อก
      สามารถจัดทำได้
       2  รูปแบบคือ  
       
                    
      1.
      แคตตาล็อกแบบเดี่ยว
      ( Stand-Alone-Catalog ) คือ
      เป็นแคตตาล็อกที่แสดงสินค้าหรือบริการของบริษัทอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น 
                         
      www.amazon.com  ขายหนังสือด้วยวิธีนี้ 
       
                    
      2.
       ทำเป็นศูนย์การค้าอิเล็กทรอนิกส์
      ( Electronic Mall หรือ Cyber Mall )  คือรวบรวมสินค้าหลายๆ
      หมวด หมู่เช่น  www.imall.com 
      ซึ่งมี 
                         
      สินค้ามากว่า 1,500 ประเภท 
       
                          
      ในการจัดทำแคตตาล็อกต้องคำนึงถึงปัจจัยดังนี้   
       
                    
      1. การจัดหมวดหมู่ของสินค้าเพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 
                    
      2. การจัดโชว์สินค้ามีความโดดเด่น และเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า
      ซึ่งสวนนี้ต้องพิจารณาทางเลือกให้รอบคอบระหว่าง 
                         
      ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและภาพ เพราะเทคโนโลยีที่ทำให้ภาพสวยจะทำการโหลดของหน้าจอช้า 
                    
      3. การกำหนดความต่อเนื่อง
      ( link ) ของแต่ละหน้า เช่น ถ้าลูกค้าเข้ามาดูเสื้อผ้า ถ้าต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับแบบ ขนาด
      และสี  
                         
      ต้องสามารถคลิ๊กถามข้อมูลจนกระทั้งลูกค้าพอใจได้ 
       
                7.
        เลือกระบบและวิธีการจัดส่งสินค้า
      ( Select a Method of Transportation ) 
        
                    
      ขั้นนี้เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับระบบและวิธีการจัดส่งว่าจะใช้วิธีการใดบ้าง? เช่น จัดขนส่งได้กี่วิธี? ทางอากาศ ทางเรือหรือทางบก
      เลือก 
      บริษัทจัดส่งสินค้า โดยพิจารณาจากชื่อเสียง ความถนัดเงื่อนไขต่างๆและผลงานที่ผ่านมา บริษัทจัดส่งบางแห่งจะไม่รับขนส่งสินค้าบางประเภท
      เช่น 
      อาหารสด หรือดอกไม้ 
       
                 8.
      กำหนดวิธีการจัดซื้อ ( Develop a Method of
      Processing )  
                      
                          ในการสั่งซื้อสินค้าต้องคำนึงถึง ความสะดวกของลูกค้าให้มากที่สุดเป็นการพิจารณา 
                    
        การเลือกซื้อ ซึ่งสวนใหญ่ใช้ระบบตระกร้าให้ลูกค้าเห็นว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร
      ? 
                    
       
      การขนส่ง ซึ่งเป็นผลในการจัดการในขั้นตอนที่ 7
      ซึ่งลูกค้าจะเลือกวิธีการจัดส่งเพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าและคำณวนค่าใช้จ่ายในแต่ละ 
                          
      วิธีเพื่อให้ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสม 
                    
        วิธีการชำระเงิน ซึ่งต้องอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าแต่ละประเภท เช่น
      การชำระด้วยเครดิตคาร์ด
      สมาร์ทคาร์ด
      อีคาร์ดหรือตัดบัญชี 
                          
      ธนาคารเป็นต้น 
       
                          
      ในการกำหนดวิธีการสั่งซื้อจะต้องจัดให้ระบบจ่ายเงินแบบทันทีทันใด
      ( Real -Time Payment Solution )  
                          
      การจ่ายเงินอาจทำได้  5  รูปแบบ คือ  
       
                          
      1. เงินสดเมือได้รับสินค้า 
                          
      2. จ่ายเป็นธนาณัติ 
                          
      3. บัตรเครดิต 
                          
      4. เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ 
                          
      5.
      สมาร์ทคาร์ด 
       
      
        
            | 
          9. เลือกระบบความปลอดภัย
            ( Select Security System )  
            
             
                       ปัญหาที่สำคัญของการค้าอิเล็กทรอนิกส์ คือ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเลขที่บัตรเครดิตของตนผู้ซื้อกลัว 
            ว่าเมื่อชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิต จะมีผู้ที่เอาเลขที่บัตรไปใช้ซื้อสินค้า ดังนั้น
            จึงต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยให้ 
            กับเจ้าของบัตรโดยทำเป็นรหัสหรือการกรอกข้อมูลอื่นๆ
            ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ซื้อ
            ระบบที่ใช้ 
            ในปัจจุบันมี 2 ระบบคือ 
             
                      1.
             SSL ( Secure Socket Layer )  เป็นระบบที่จะต้องมีการเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 
 และถอดรหัสเมื่อเข้าสู่ร้านค้าแล้ว ดังนั้นการขโมยข้อมูลระหว่างทางจะไม่สามารถถอดรหัสได้ แต่ร้านค้ามีความเสี่ยง 
 ที่ไม่สามารถทราบได้ว่า ลูกค้านั้นเป็นตัวจริงหรือไม่? เพราะใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ถุกติดตั้งที่ร้านค้าเท่านั้นนอกจาก 
            นี้พนักงานร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็สามารถนำเลขที่บัตรของลูกค้าไปใช้ในทางมิชอบได้ 
             
                    2.
             SET ( Secure Electronic Transactions )
             คล้ายกับ SSL
            คือการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างส่งผ่านแต่ทุกๆ
            ฝ่ายจะมี 
            ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์หมด ทั้งลูกค้า ร้านค้า และธนาคาร
            ข้อมูลบัตรเครดิตจะถูกเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารจึงป้องกัน 
            ปัญหาที่เกิดจากระบบ SSL ได้ทั้งหมด
            การเลือกระบบจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้าในด้านของความน่าเชื่อถือ 
            และเงินลงทุนในระบบ | 
         
       
      
              
      
      10. การส่งเสริมและการสื่อสารด้านการตลาด
      ( Promotion and Marketing Communication ) 
      
       
      
       
                    
      เป็นขั้นตอนการสื่อสารการตลาดเพื่อให้ลูกค้ารู้จักร้านค้าและเข้ามาเยี่ยมชม
      ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อขายสินค้าการส่งเสริมและการ 
      สื่อสารต้องทำดังนี้ 
                
                    
      
      1. การส่งเสริมและการสื่อสารแบบออนไลน์ 
      ( Online Promotion and Marketing Communication )  
                         
                         
      คือ การสื่อสารไปยังผู้ใช้อินเตอร์เน็ตโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อหลัก ซึ่งทำได้โดย 
       
                        
      1.
      เลือกชื่อโดเมนเนม การเลือกควรเป็นชื่อที่สื่อความหมายถึงธุรกิจที่ทำ เป็นการตั้งชื่อแบบที่เรียกว่า Functional
      Brand Name อาทิ 
                             
      เช่น  www.stamthai.com  
      ซึ่งเป็นสื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่าเป็นร้านที่ขายสินค้าเกี่ยวกับสแตมป์ของไทย
      กรณีที่มีชื่อร้านที่ดีอยู่แล้วควร 
                             
      ใช้ชื่อร้านหรือบริษัทนั้นเป็นโดเมนเนม 
                        
      2. จดทะเบียนกับเสริซ์เอ็นจิ้น ปัจจุบันมีมากว่า 300 แห่ง ควรเลือกเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ  
                        
      3.
      หาคำที่เป็นคำที่หมายถึงสินค้าหรือบริการ
      เพื่อที่เมื่อลูกค้าค้นหาในเสริซ์เอ็นจิ้น จะได้หาง่าย 
                        
      4.  การเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกันหรือเป็นเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง 
       
                   
      2.  การส่งเสริมและการสื่อสารแบบออฟไลน์ 
      ( Offline Promotion and Marketing Communication ) 
       
                       
      เป็นการใช้เครื่องมือการส่งเสริมการตลาดแบบดั้งเดิม โดยอาศัยสื่อการตลาดที่เป็นสื่อที่เข้าถึงในวงกว้าง เช่น
      การโฆษณาตามสื่อต่างๆ 
                       
      การประชาสัมพันธ์ และการใช้พนักงานขาย ตลอดจนเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เช่น นามบัตร
      ซองจดหมาย หัวกระดาษ แผ่นพับ ฯลฯ 
       
                ธุรกิจควรใช้การสื่อสารทั้ง 2 แบบเพราะในปัจจุบันการเข้าถึงและสร้างความประทับใจโดยใช้สื่อออนไลน์อย่างเดียวยังไม่มีประสิทธิภาพพอ 
       
                        
       
      การส่งเสริมและการสื่อสารการตลาดต้องคำนึงถึงกฎของการสื่อสารดังนี้  
      
       
                      
      1.  การเข้าถึง
      ( Reach ) ต้องเลือกวิธีการและสื่อที่สามารถเข้าถึงตลาดเป้าหมายได้ 
                      
      2. 
      ความถี่  ( Frequency )   การสื่อสารต้องใช้ความถี่ที่เหมาะสม 
                      
      3.  ความประทับใจ
      
      ( Impact )   ข้อความที่สื่อไปยังผู้บริโภคต้องสามารถทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจในตัวสินค้า
      ( Product Knowledge ) 
       
          
            
      11. กำหนดวิธีการติดตามลูกค้า
      ( Refine your Customer Feedback) 
       
       
                       
      ขั้นตอนนี้ คือการทำลูกค้าเกิดความภักดีต่อสินค้าและร้านค้า
      ( E-Tailing Loyalty ) ซึ่งทำได้โดย 
       
                       
       1.
       กระตุ้นให้ลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ อย่างสม่ำเสมอด้วยกลยุทธ์การตลาด อาทิเช่น การสร้างชุมชน การจัดกิจกรรมต่อเนื่องการนำเสนอ 
                            
      สิทธิพิเศษต่างๆ เป็นต้น 
       
                       
       2. ตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าอยู่เสมอ ทั้งด้านสินค้าที่ลูกค้าซื้อ และบริการที่บริษัทนำเสนอ 
       
                       
       3.  ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เป็นการตอกย้ำความทรงจำของลูกค้าที่มีต่อร้านค้า และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 
                            
      เครื่องมือที่นิยมใช้ คือ การส่งจดหมายข่าวด้วยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
      ( E-Mail )  
       
                  ทั้ง 11 ขั้นตอน เป็นขั้นตอนหลักที่ผู้คิดจะทำธุรกิจแบบออนไลน์สามารถใช้แนวทางในการดำเนินธุรกิจได้ นอกจากนี้ในปัจจุบันมีศูนย์เพาะ 
      บ่มธุรกิจ (
      Incubator ) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการออนไลน์ เช่น ศูนย์ธรรมศาสตร์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
      www.tuecom.com 
      ผู้เริ่มต้น 
      ทำธุรกิจสามารถขอรับบริการได้ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ จะช่วยแนะวิธีการจัดตั้งร้านค้า และดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ขอรับการช่วยเหลือ เมื่อตั้งร้านค้าแล้ว 
      ผู้ประกอบการต้องหายุทธวิธีที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อใจ และมีความจงรักภักดีต่อร้าน 
       
                                                                         
      วิธีทำให้ลูกค้าเชื่อใจร้านค้า  
        
                  1. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของเรา
      อย่างครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจ ความซื่อสัตย์ และความพร้อมที่จะบริการลูกค้า 
                  2. รายละเอียดของสินค้า บริการและข้อเสนอต่างๆต้องชัดเจนตรงไปตรงมา
      และปฎิบัติตามกติกา 
                  3. อย่าโฆษณาหรือโอ้อวดเกินความเป็นจริง เพราะลูกค้าพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงจะทำให้หมดความเชื่อถือได้ 
                  4. มีการรับประกัน จะช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องรู้สึกเสี่ยงกับการตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่เห็นตัวสินค้าจริง 
                  5. มีบุคคลอ้างอิง ถ้าเป็นไปได้ ควรจะพยายามขายให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิง 
                  6. 
      อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าติดต่อได้ง่ายทั้งทางไปรณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือโทรศัพท์ และตอบคำถามลูกค้าโดยผู้มีความรู้และรวดเร็ว 
       
                                                                        
       การสร้างความภักดีต่อร้านค้า  
       
                 
      เมื่อสร้างร้านค้าแล้วจะต้องหาวิธีสร้างความภักดี
      ( Loyalty ) จากลูกค้าเพื่อให้ใช้เวลาที่ลูกค้าอยู่กับอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่
      อยู่ในร้านค้าของเรา 
       การสร้างความภักดีมีหลายวิธี ดังนี้ 
       
                  1. สร้างระบบสมาชิก และเสนอสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก 
                  2.
      จัดหาสินค้าและบริการใหม่ๆ
      เพื่อให้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าอยู่เสมอ 
                  3. ขายสินค้าอื่นที่เหมาะสม กับลูกค้าควนคู่ไปกับการขายสินค้าที่ลูกค้าเลือกซื้อ
      ( Cross Selling ) 
                  4. ขายสินค้าที่มีคุณภาพ หรือ
      ราคาสูงกว่าสินค้าที่ลูกค้าใช้อยู่
      ( Up Selling ) 
                  5. จัดทำโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
      ( Customer Relation Management : CRM ) 
       
       
        
       
                   การเลือกทำการค้าอิเล็กทรอนิกส์
      ผู้ประกอบการควรเข้าใจถึงลักษณะและกลยุทธ์
      ของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
      เพราะมีความแตกต่าง 
      จากร้านค้าแบบดั้งเดิมหลายประการ
      ในการสร้างร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์
      จะต้องทำความเข้าใจกับเทคโนโลยี
      ที่จะช่วยในการสร้างร้านค้า
      การจัดการ 
      และการส่งเสริมร้านค้า แต่ไม่จำเป็นต้องผลิตหรือสร้างเทคโนโลยีได้ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในแนวคิดและประโยชน์จากเทคโนโลยีนั้นๆ 
      ต้องเข้าใจขั้นตอนในการตั้งร้านค้าและปฎิบัติตามขั้นตอน เพราะการเริ่มต้นอย่างถูกหลักการ จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ
      โดยเฉพาะอย่าง 
      ยิ่งการทำแผนธุรกิจ
      จะช่วยเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
      และเป็นเสมือน
      หลักประกันหนึ่งในการป้องกันความล้มเหลว 
      ของธุรกิจ......  
       
                                                                                                                                                                                                       
        
       
       
      
     |